วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

การสมัคร E-mail ของ Yahoo

การสมัคร Yahoo! Mail มีอีเมลล์ที่ดีที่สุดในโลกเป็นของตัวเรากันเถอะ



การสมัคร Yahoo! Mail อีเมลล์ที่ดีที่สุดในโลก

ในบทความนี้ จะแนะนำเฉพาะอีเมลล์ฟรีเท่านั้น ถือเป็นพื้นฐานในการใช้งาน
อีเมลล์ฟรีที่ได้รับความนิยมในตอนนี้มีหลายเมลล์เช่น
Yahoo! ได้รับการกล่าวขานจากทั่วทุกมุมโลกว่า ดีที่สุดในโลก
Gmail กำลังอยู่ในชองทดสอบ
Hotmail มีผู้หลงกลใช้งานเยอะ ไม่แนะนำให้ใช้งาน
Thaimail อีเมลล์คุณภาพของไทย แต่มีปัญหาตรงที่เข้าได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไม่แนะนำ
ดังนั้นเว็บกอหญ้าจะขอแนะนำฟรีอีเมลล์ที่ดีที่สุดในโลก Yahoo! Mail ทางเลือกของผู้ฉลาดเลือก

ข้อดีของ Yahoo! Mail คือจะมีพื่นที่เก็บข้อมูล 1 GB มีระบบป้องกับ spam (อีเมลล์โฆษณา) มีระบบ scan
virus ที่ดีและปลอดภัยที่สุด ระบบเมนูเป็นภาษาไทย และอีกหลาย ๆ อย่างจ้า

ความสำคัญของอีเมลล์

ในการสื่อสารบนระบบอินเทอร์เน็ทนั้นมีหลายรูปแบบด้วยกัน
แต่รูปแบบที่มีมาตั้งแต่ในยุคแรกเริ่มและยังใช้อยู่ถึงปัจจุบัน ของอินเทอร์เน็ทคือ อีเมลล์
E-Mail ย่อมาจาก Electronic Mail คือจดหมายที่ติดต่อสื่อสารกันในระบบเครื่อข่ายอิเล็กทรอนิกส์ เช่น
Internet Intranet
อีเมลล์ที่ใช้กันในปัจจุปันจะมีให้เลือกอยู่ 2 รูปแบบ คือ ฟรี และ มีค่าบริการ ซึ่งมีข้อแตกต่างกันคือ
แบบที่เสียค่าบริการ จะมีพื้นที่เก็บข้อมูลได้มากกว่า สามารถรองรับโปรแกรมรับส่งอีเมลล์ เช่น outlook
Thunder bird เป็นต้น



การสมัครฟรีอีเมลล์ Yahoo! Mail
1.เข้าไปที่เว็บ http://mail.yahoo.comจะเป็นภาษาอังกฤษ
สมัครภาษาอังกฤษจะได้อีเมลล์ = (ชื่อที่เราตั้ง@yahoo.com)
2.หากต้องการใช้ภาษาไทยให้เข้าไปที่ http://mail.yahoo.com/?.intl=th
จากนั้นจะปรากฎดังรูปที่ 1
(สมัครภาษาไทยจะได้อีเมลล์ = (ชื่อที่เราตั้ง@yahoo.co.th))

คลิกที่ปุ่ม "ลงทะเบียนเดี๋ยวนี้" จากนั้นจะปรากฎดังรูปที่ 2


จากรูปที่ 2 ให้คุณ กรอกรายละเอียดส่วนตัว ที่ใช้ใช้ในการสมัครให้ครบทุกช่อง จากนั้นคลิกปุ่ม
"ฉันยินยอม" รอสักครู่ยาฮูจะทำการตรวจสอบชื่ออีเมลล์ให้ หากมีผู้ใช้ชื่อนี้แล้ว
จะปรากฎดังรูปที่ 3 ให้ทำการแก้ไขแถบที่ขึ้นสีเหลืองใหม่นะครับ
จากรูปที่ 3 Yahoo จะบอกข้อผิดผลาดให้เราทราบว่า อีเมลล์ที่เราเลือกนั้นมีคนใช้แล้ว ให้เราเปลี่ยนใหม่

เมื่อเราเปลี่ยนใหม่แล้วคลิกที่ปุ่ม "ส่ง" จะปรากฎดังรูปที่ 4
แสดงว่าเราได้ชื่ออีเมลล์นี้แล้ว ให้จดชื่อและรหัส(หรือพิมพ์ไว้กันลืมนะครับ)
ยินดีด้วยครับท่านมีอีเมลล์เป็นของตัวเองแล้วครับ
ปล. ท่านต้องเปิดดูอีเมลล์นี้อย่างน้อย 1 ครั้ง/เดือนนะครับ
มิเช่นนั้นมันจะปิดอีเมลล์คุณโดยอัตโนมัติ(3เดือน)


รูปที่ 4
ยินดีด้วยครับท่านมีอีเมลล์เป็นของตัวเองแล้วครับ
จดชื่อและรหัส(หรือพิมพ์ไว้กันลืมนะครับ)


ขั้นตอนต่อไปเราจะเข้าไปเช็คอีเมลล์ของเราหละครับ
เมื่อได้แล้ว Yahoo จะแจ้งอีเมลล์ของเรามาให้ จากนั้นให้เราคลิกปุ่ม "ไปต่อยัง Yahoo! เมล"
เพื่อเข้าสู่ระบบอีเมลล์
ดังรูปที่ 5
จากรูปเราก็จะได้ที่อยู่อีเมลล์จากค่าย Yahoo! แล้ว พร้อมกับมีพื้นที่ 1 Giga Bytes อย่างง่าย ๆ
ตามประสาชาวบ้าน ๆ


การเข้าสู่ระบบเพื่อเช็คอีเมลล์ของ Yahoo!

หลังจากที่เราที่อยู่อีเมลล์เรียบร้อยแล้ว หากต้องการเข้าไปเช็ค รับ - ส่ง เมลล์ก็สามารถทำได้โดยการ
Login เข้าสู่ระบบก่อน

เริ่มต้นให้คุณเข้าไปที่ http://mail.yahoo.com จะเป็นภาษาอังกฤษ

หากต้องการใช้ภาษาไทยให้เข้าไปที่ http://mail.yahoo.com/?.intl=th จากนั้นจะปรากฎดังรูปที่ 6


ตามรูปที่ 6 ให้เรากรอกชื่ออีเมลล์เรา ID ของ Yahoo! ที่ได้สมัครเอาไว้ ( ID ชื่อที่อยู่หน้าอีเมลล์
เช่น gorya169@yahoo.co.th ID ก็คือ gorya169)
จากนั้นก็ใส่ รหัสผ่านลงไปด้วย แล้วคลิกปุ่ม "ลงบันทึกเข้า"
จะเข้าสู่กล่องอีเมลล์ของเรา ตามรูปที่ 7
จากรูปเราก็ สามารถเข้าไป รับ - ส่งอีเมลล์ได้ตามต้องการครับ
การตรวจและอ่านอีเมลล์ใหม่ของ Yahoo! Mail


หลังจากที่ได้ Login เข้าสู่ระบบแล้ว ดังรูปที่ 7
จากรูป Yahoo! Mail จะแจ้งให้เราทราบรายละเอียดเกี่ยวกับ E-mail ของเรา
เริ่มจากด้านขวามือ จะมีกราฟบอกเนื้อที่การใช้งานอีเมลล์เรา สามารถเก็บอีเมลล์ได้เป็น Giga Bytes
ซึ่งถือว่ามหาศาลทีเดียว
ทางด้านซ้ายจะบอกอีเมลล์ที่เข้ามาใหม่ ซึ่งในตอนนี้จะแจ้งว่า "คุณมีข้อความที่ไม่ได้อ่าน 1
ข้อความ" นอกจากนี้ยังมีตรง "กล่องขาเข้า 1" แปลเป็นภาษาชาวบ้านทั่วไปว่า
ตอนนี้เรามีอีเมลล์ใหม่มา 1 ฉบับ หากต้องการอ่านก็คลิกตรงลิงค์ "กล่องขาเข้า 1" ได้เลยจ้า


จากรูปที่ 9 จะมีตารางบอกรายละเอียดของอีเมลล์แต่ละฉบับตั้งแต่ ผู้ส่ง เรื่อง วันที่ ขนาด
หากต้องการอีเมลล์ฉบับไหน ก็ให้คลิกที่ลิงค์ในช่อง "เรื่อง" ของอีเมลล์ฉบับที่ต้องการ

จากรูปที่ 10 ด้านบน (ลูกศร สีแดง) จะบอกรายละเอียดของจดหมายฉบับนี้ ว่าใครส่งมา หัวชื่อเรื่องว่าอะไร
ส่งมาวันที่เท่าไร ส่งถึงใครบ้าง
ถัดจากนั้น ก็จะเป็น เนื้อหาของจดหมาย

หากเราต้องการจะอ่านจดหมายฉบับที่แล้ว หรือ ฉบับต่อไป ให้คลิกตรงลิงค์ ที่ลูกศรสีม่วงชี้
หากต้องการกลับไปที่ หน้ารวมรายการจดหมายให้คลิกที่ปุม "ตรวจอีเมล" หรือคลิกที่ลิงค์
"กล่องขาเข้า" ที่ลูกศรสีเขียวชี้

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ








สถานที่ : หอเอนปิซ่า
สถานที่ตั้ง :ประเทศอิตาลี

ท่านสามารถดาวโหลดข้อมูลในรูปแบบ microsoft word ได้ที่ตรงนี้
http://th.upload.sanook.com/A0/5f3449c721544c70f31659adfa67f9bd

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

5 วิธีง่าย ๆ ในการลดความอ้วน

5 วิธีง่าย ๆ ในการลดความอ้วน



5 วิธีง่าย ๆ ในการลดความอ้วน

  1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่พยามยามลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และไขมัน และไม่ควรงดมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะอาจทำให้คุณรับประทานอาหารมื้อถัดไปมากขึ้น ที่สำคัญควรรับประทานประเภทผักใบเขียว เพราะจะมีใยอาหารอยู่มาก
  2. พยายามดื่มน้ำก่อนอาหาร เพื่อถ่วงกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้ทานอาหารได้น้อยลง หรือเลือกรับประทานใยอาหารก่อนอาหารประมาณครั้งชั่วโมงแทน
  3. เพื่อผลทางจิตวิทยา ควรใช้ภาชนะเล็ก ลง โดยมีปริมาณอาหารเท่าเดิมเพื่อให้ดูว่ามีอาหารมากขึ้น และควรใช้ช้อนขนาดเล็กเพื่อจะได้รับประทานช้าลง ที่สำคัญควรฝึกเคี้ยวช้า ๆ จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง และรู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น
  4. หาเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมมากขึ้น มัก มีความเชื่อผิด ๆ กันว่า การออกกำลังกายมากขึ้นจะทำให้หิวเร็งและรับประทานอาหารมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่ไม่ได้ออกกำลังกายจะทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย จึงมักขจัดความเยื่อนี้ด้วยการรับประทาน การออกกำลังกายจึงเป็นวิธีช่วยลดความเบื่อหน่าย และเพิ่มการใช้พลังงานเพื่อเผาผลาญไขมันสะสมให้ลดน้อยลง
  5. สร้างสิ่งจูงใจ หรือทัศนคติดี ๆ ต่อพฤติกรรมใหม่ ๆ เช่น การเขียนข้อความเกี่ยวกับการลดความอ้วน หรือชุดสวย ๆ ในสมัยก่อนที่เคยใส่ได้ เพื่อให้เห็นถึงเป้าหมาย และสามารถกระตุ้นหรือจูงใจให้มีความพยายามมากขึ้น และที่สำคัญที่สุด พยายามพักผ่อนให้มาก ๆ ไม่มีประโยชน์เลย ถ้ามีรูปร่างที่สวยงามอย่างที่ต้องการ แต่ต้องอาศัยอยู่ในโรงพยาบาล เนื่องจากสุขภาพไม่ดี

ภาวะไขมันในเลือดสูง

ภาวะไขมันในเลือดสูง

เป็น สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดตีบตัน เราสามารถควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ได้ การเริ่มป้องกันหรือรักษาตั้งแต่อายุประมาณ 35-40 ปี จะช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและโรคอัมพาตได้อย่างมาก

การปฏิบัติตนเพื่อลดปริมาณไขมันโคเลสเตอรอลในเลือด

1. การควบคุมอาหาร

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

  • อาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่แดง ปลาหมึก กุ้ง และเครื่องในสัตว์

  • ไขมันจากสัตว์ ได้แก่ มันและหนังสัตว์

  • กะทิ

  • อาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันและการทอดเจียว

  • ขนมหวาน แป้ง ข้าวต่างๆ และเครื่องดื่มประเภทเบียร์จะสะสมเป็นไขมันไตรกลีเซอไรด์

อาหารที่ควรรับประทาน

  • เนื้อปลา

  • น้ำมันของปลาทะเล

  • ผักใบต่างๆ และผลไม้ที่ให้กาก เช่น คะน้า ฝรั่ง ผักกาด ส้ม เม็ดแมงลัก ฯลฯ จะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล เนื่องจากช่วยลดการดูดซึมไขมันสู่ร่างกาย

  • ดื่มนมพร่องมันเนยแทนนมสด

คำแนะนำสำหรับวิธีปรุงอาหาร

ควรปรุงอาหารด้วยวิธีการนึ่ง ต้ม ยำ อบ ในกรณีที่ปรุงอาหารด้วยน้ำมันและการทอดเจียว ควรเลือกใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดทานตะวัน

2. การออกกำลังกาย

การ ออกกำลังกายช่วยลดปริมาณไขมันในเลือดและเพิ่มระดับ เอ็ช ดี แอล แต่จะต้องเป็นการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ ทำต่อเนื่องครั้งละ 10-30 นาที วันละอย่างน้อย 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง

การออกกำลังกายที่ดีที่สุด

กิจกรรมการออกกำลัง กายที่จะเพิ่มสมรรถภาพของปอดและหัวใจ ได้แก่ การเดิน จ๊อกกิ้ง เต้นรำ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค รำมวยจีน รำกระบอง

  • ถ้าท่านมีภาวะไขมันโคเลสเตอรอลสูง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโคเลสเตอรอลมากกว่า 200 มก./100กรัม ควรรับประทานอาหารที่มีโคเลสเตอรอลไม่เกิน 300 มก./วัน

  • สำหรับผู้ที่มีภาวะไขมันปกติ ควรทำการตรวจเลือดและวัดระดับไขมัน อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง

  • อาหารในแต่ละชนิด จะมีปริมาณโคเลสเตอรอลแตกต่างกันปริมาณโคเลสเตอรอล (มิลลิกรัม)

    ต่ออาหาร 100 กรัม
    กุนเชียง 150 ตับไก่ 685-750
    กุ้งเล็ก 125-150 เนื้อวัวเนื้อล้วน 60
    กุ้งใหญ่ 250-300 ไตวัว 400
    ไข่ขาว 0 กระเพาะวัว 150
    ไข่ทั้งฟอง 550 ตับวัว 400
    ไข่แดง (เป็ด) 1120 ลูกวัว 140
    ไข่แดง (ไก่) 2000 ผ้าขี้ริ้ว 610
    ไข่นกกระทา 3640 หัวใจวัว 145
    ไข่ปลา 7300 ปลาแซลมอน 86
    ครีม 300 ปลาจาระเม็ด 126
    นกพิราบ 110 ปลาดุก 60
    นมสด 24 ปลาทูน่า 186
    เนยแข็ง 90-113 ปลาลิ้นหมา 87
    เนยเหลว 250 ปลาไหลทะเล 186
    มาการีน 0 ปลาหมึกเล็ก 384
    น้ำมันตับปลา 500 ปลาหมึกใหญ่ 1170
    เนื้อกระต่าย 60 ปลิงทะเล 0
    เนื้อแพะ 60 เป็ด 70-90
    เนื้อแกะล้วน 60 ปู 101-164
    ตับแกะ 610 แมงกะพรุน 24
    กระเพาะแกะ 41 หอยกาบ 180
    เนื้อหมูเนื้อแดง 89 หอยแครง 50
    เนื้อปนมัน 126 หอยนางรม 230-470
    น้ำมันหมู 95 หอยอื่นๆ 150
    ตับหมู 400 เบคอน 215
    ไตหมู 350 สมองสัตว์ต่างๆ 3160
    กระเพาะหมู 150 ไส้กรอก 100
    หัวใจหมู 400 แฮม 100
    ซี่โครงหมู 110 ไอศกรีม 40
    เนื้อไก่เนื้อล้วน 60




    โรคอ้วน : เสี่ยงต่อโรคใดบ้าง?

    ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่มีดัชนีความหนาของร่างกายตั้งแต่ 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป มีโอกาสตายก่อนวัยอันสมควร สูงกว่าคนที่มีน้ำหนักปกติถึง 30% เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ คนอ้วนมีโอกาสเป็นโรคต่อไปนี้ได้ง่ายนั่นเอง

    1. โรคความดันโลหิตสูง
    2. โรคหัวใจขาดเลือด
    3. โรคโคเลสเตอรอลสูงในเลือด
    4. โรคไตรกลีเซอไรด์สูงในเลือด
    5. โรคเบาหวาน
    6. โรคนิ่วในถุงน้ำดี
    7. กระดูกและข้อเสื่อมเร็วกว่าคนปกติ
    8. ระบบทางเดินหายใจทำงานไม่สะดวก
    9. โรคที่เกี่ยวกับปัญหาด้านจิตใจ

    แต่ละโรคที่กล่าวมาแล้ว ล้วนแล้วแต่มีความร้ายแรงและยากต่อการรักษาพยาบาลเป็นอย่างยิ่ง ถ้าท่านยังไม่อ้วนและสามารถควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดได้ ตลอดเวลา ท่านจะมีโอกาสเกิดโรคดังกล่าวน้อยมาก ส่วนท่านที่อ้วนแล้ว ท่านจะต้องตั้งใจอย่างแน่วแน่ เพื่อค่อยๆ ลดน้ำหนักลงมาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติฑ์ให้ได้ เราขอเป็นกำลังใจให้ท่านประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักนะคะ




    วิธีลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

    วิธีลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วมีอยู่ 3-4 วิธี ส่วนใหญ่ไม่นิยมทำกัน แต่ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา มีคนทำกันบ้างแต่ไม่มากนัก สาเหตุที่ไม่ค่อยนิยมทำกัน เพราะวิธีการบางอย่างอาจจะต้องมีการทำผ่าตัดร่วมด้วย ผู้มารับการรักษา อาจต้องเจ็บตัวนอกเหนือจากเสียสตางค์แล้ว วิธีการเหล่านั้นคือ

    1. การฉีดฮอร์โมนเข้าไปในร่างกาย เพื่อให้มีผลต่อการเผาผลาญพลังงานจากไขมัน นอกจากจะมีราคาแพงแล้วยังมีผลข้างเคียงรุนแรงค่อนข้างมาก ถึงขนาดมีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะภายในบางอย่าง
    2. การผ่าตัดมัดกระดูกขากรรไกรให้เข้าหากัน ปากของคนนั้นๆ ก็จะไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ กลืนอาหารเหลวได้เท่านั้น คงไม่มีใครคิดอยากจะลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ในเมืองไทย
    3. การผ่าตัดเพื่อลดขนาดของกระเพาะ หรือการตัดต่อลำไส้เล็กใหม่ให้สั้นลง เพื่อลดเวลาในการดูดซึมสารอาหารในระหว่างผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก นอกจากนี้มีคนทดลองใส่ลูกโป่งเข้าไปในกระเพาะ เพื่อให้มีที่ว่างน้อยลง
    4. การผ่าตัดหรือการดูดไขมันหน้าท้องออก ทั้งสองวิธีมีการทำในเมืองไทยมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะบางคนโดยเฉพาะสุภาพสตรี มีไขมันหน้าท้อง ซึ่งทำให้หน้าท้องหย่อนไม่สวยงาม จึงไปพบแพทย์เพื่อผ่าตัดเอาไขมันและทำให้หน้าท้องตึงขึ้น ส่วนการดูดไขมันออกทางหน้าท้อง ใช้วิธีเจาะช่องหน้าท้องแล้วเอาเครื่องมือสอดเข้าไปในชั้นไขมัน ใต้ผิวหนังเพื่อดูดเอาไขมันออก

    วิธีที่กล่าวมาทั้งหมด คงจะไม่มีวิธีไหนดีไปกว่าการค่อยๆ ลดน้ำหนัก โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการบริโภคอาหาร และการออกกำลังกาย แต่ถ้าท่านต้องการทำจริงๆ ท่านควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ





    โรคอ้วน

    น้ำหนัก ตัวที่มากเกินไป อาจเป็นโรคอ้วน ถ้ามีไขมันในร่างกายมากกว่าความจำเป็น เราควรเอาใจใส่บ้าง เพราะโรคอ้วนก่อปัญหาทางสุขภาพหลายอย่าง

    ดูอย่างไรว่าอ้วน

    จากลักษณะภายนอกพอบอกได้ ถ้าอ้วนมากจริง ๆ แต่สายตาแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงมีการคิดค้นการวัดหลายวิธี ที่ใช้สะดวกได้ง่าย และไม่ค่อยผิดเพี้ยนกันมาก เมื่อคนวัดต่างกัน ก็คือการวัดส่วนสูง และน้ำหนักไปด้วนกัน ซึ่งอาจนำมาคำนวณโดยใช้สูตรง่าย ๆ เพื่อดูความรุนแรงของความอ้วน คือ ค่า

    เกณฑ์ BMI ที่เหมาะสมควรอยู่ในช่วง 20-25 ก.ก. ต่อเมตร2 ซึ่งจากการเก็บข้อมูลประชากรจำนวนมากพบว่ามีอัตราเสี่ยงต่อการตายจากโรคน้อย สุด บางแห่งอาจจะถือว่าเข้าเกณฑ์อ้วนที่ BMI มากกว่า 27-30 ก.ก. / เมตร2 ซึ่งจะประมาณน้ำหนักเท่ากับ 120% ของน้ำหนักมาตรฐาน และเริ่มพบอัตราเสี่ยงต่อการตายมากขึ้น

    อย่างไรก็ดี BMI สูง อาจพบในคนไม่อ้วน แต่มีกล้ามเนื้อมาก เช่น ในพวกใช้แรงงานมาก ๆ นักกีฬา นักกล้าม ซึ่งกลุ่มนี้ไม่พบว่ามีโรคที่เสี่ยงต่ออันตรายมากขึ้น จึงมีการวัดสัดส่วนประกอบด้วน เพราะพบว่าพวกที่น้ำหนักมากจากไขมันที่พุงต่างหากที่มีความเสี่ยง ค่าที่นิยมใช้กันคือ WHR (WAIST – HIP RATIO) หรือสัดส่วนระหว่างเส้นรอบเอวกับเส้นรอบสะโพก ซึ่งในผู้ชายไม่ควรเกิน 1.0 และในผู้หญิงไม่ควรเกิน 0.8 ถึงตรงนี้คุณก็อาจสำรวจตัวคุณเองได้ว่า อ้วนเกินไป จะเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพหรือไม่

    อันตรายจากโรคอ้วน ภาวะอ้วนทำให้เกิดโรค และความผิดปกติต่าง ๆ ได้มาก หรือเร็วกว่าคนไม่อ้วน ได้แก่

    1. ความดันโลหิตสูง : พบว่าถ้าลดน้ำหนักโดยยังมีปริมาณเกลือในอาหารเท่าเดิมก็ลดความดันโลหิตลงได้
    2. เบาหวานชนิดไม่พึ่งพาอินซูลิน : ความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานชนิดนี้ที่รุนแรงสุดกว่าปัจจัยใด ๆ
    3. ไขมันในเลือดผิดปกติ
    4. โรคหลอดเลือดตีบ (Atherosclerosis) เช่น หลอดเลือดสมองตีบ ทำให้เกิดอัมพฤกษ์อัมพาต โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยพบว่าความอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคนี้โดยตรง และยังเพิ่มความเสี่ยงโดยอ้อมจากภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ เบาหวาน และความดันโลหิตสูงด้วย
    5. นิ่วถุงน้ำดี และถุงน้ำดีอักเสบ
    6. โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อสะโพก ข้อเข่า และยังเพิ่มโอกาสเกิดโรคข้ออักเสบจากเก๊าท์ด้วย
    7. มะเร็งบางชนิด พบมากขึ้นในคนอ้วน และสัตว์ทดลองที่ถูกทำให้อ้วน จากการศึกษาของ American Cancer Society โดยอิงน้ำหนักที่คนไข้บอกเองพบว่าถ้าน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน 40% จะมีอัตรารายจากมะเร็งสูงขึ้น 1.33-1.55 เท่า ที่สำคัญ คือ มะเร็งเยื่อบุมดลูกเต้านม ต่อมลูกหมาก ลำไส้ใหญ่

    นอกจากนี้เมื่อไม่สบาย ยังเกิดปัญหาในการดูแลรักษามากขึ้น เช่น การหาเส้นเพื่อให้น้ำเกลือยากขึ้น การดมยาสลบทำได้ยากขึ้น การขนย้าย หรือพลิกตัวคนไข้ยากขึ้น การผ่าตัดก็ยากขึ้น เป็นต้น

    สาเหตุของโรคอ้วน

    น้ำหนักเกินอาจไม่ใช่โรคอ้วน นักกล้ามก็หนักเกินได้ แต่ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพดังข้างต้น ยังมีภาวะบางอย่างทำให้น้ำหนักเกินได้ เช่น โรคความผิดปกติของฮอร์โมน (ต่อมธัยรอยด์ทำงานน้อยเกินไป ระดับฮอร์โมนพวกคอร์ติโคสเตียรอยด์มากเกินไป) โรคที่มีการบวมคั่งน้ำมากขึ้นในร่างกาย (ได้แก่โรคหัวใจ โรคไตบางชนิด โรคตับที่อาจมีน้ำในช่องท้อง) เป็นต้น

    ส่วนโรคอ้วนที่มีการสะสมของไขมันในร่างกาย มากกว่าปกติ เกิดจากดุลพลังงานเกินมาก คือร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารมากกว่าพลังงานที่ร่างกายนำไปใช้ โดยมีปัจจัยในแต่ละคนเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น กรรมพันธุ์ บางคนจึงอ้วนง่าย บางคนอ้วนยาก สารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายคือโปรตีน (เช่น ถั่ว เนื้อสัตว์) ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต (เช่น แป้ง น้ำตาล)

    ที่สำคัญมากสุด คือ อาหารกลุ่มไขมัน ซึ่งนอกจากให้พลังงานมากว่ากลุ่มอื่นในปริมาณอาหารที่หนักเท่ากันแล้ว ในปริมาณที่คิดเป็นพลังงานเท่ากันอาหารไขมันก็ยังถูกสะสมไว้ในร่างกาย มากกว่าอาหารกลุ่มอื่นด้วย

    ตารางข้างล่างแสดงพลังงานซึ่งอาจได้จากอาหารชนิดต่าง ๆ

    (ไขมันให้พลังงาน 9 แคลอรี่ต่อกรัม โปรตีน และคาร์โบไอเดรตให้พลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัม พลังงาน 1 แคลอรี่ ทำให้น้ำ 1 ลิตรร้อนขึ้น 1 องศาเซลเซียส)

    อาหาร

    ปริมาณต่อมื้อ

    ปริมาณแคลอรี่

    ไข่ไก่

    1 ฟอง

    80

    เนย

    1 ช้อนโต๊ะ

    108

    แยม

    1 ช้อนโต๊ะ

    55

    เนื้อไก่ย่าง

    3 ออนซ์

    180

    เนื้อหมูไม่ติดมัน

    3 ออนซ์

    215

    เนื้อวัวไม่ติดมัน

    3 ออนซ์

    180

    มันฝรั่งบด

    ½ ถ้วย

    94

    มันฝรั่งทอด

    ½ ถ้วย

    228

    กะหล่ำปลีสุก

    1 ถ้วย

    23

    ดอกกะหล่ำสุก

    1 ถ้วย

    27

    ข้าวขาวสุก

    1 ถ้วย

    164

    ข้าวซ้อมมือสุก

    1 ถ้วย

    178

    สับปะรด

    ½ ถ้วย

    52

    ส้ม (เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว)

    1 ผล

    73

    กล้วยหอม ยาวประมาณ 6 นิ้ว

    1 ผล

    85

    น้ำอัดลม

    12 ออนซ์

    124

    เบียร์

    12 ออนซ์

    151

    ไวน์

    3 ½ ออนซ์

    85

    น้ำตาลทรายขาว

    1 ช้อนกาแฟ ปาดเรียบ

    16

    และตารางต่อไปนี้ แสดงปริมาณพลังงานที่ใช้ไปในกิจกรรมต่าง ๆ (เป็นแคลอรี่ต่อชั่วโมง)

    กิจกรรมที่ทำ

    ปริมาณแคลอรี่
    ที่ใช้ต่อชั่วโมง

    นอนหลับ

    75

    ลงนอน (ไม่หลับ)

    85

    นั่งดูโทรทัศน์

    107

    นั่งทำงานใช้สมอง

    110

    เย็บผ้า

    115

    รีดผ้า

    150

    ซักผ้าด้วยมือ

    240

    ทำสวน

    250

    เลื่อยไม้

    515

    เดินบนทางราบด้วยความเร็ว 3.2 กม./ชม.

    180

    เดินบนทางราบด้วยความเร็ว 4.8 กม./ชม.

    260

    เดินบนทางราบด้วยความเร็ว 5.6 กม./ชม.

    300

    เดินบนทางราบด้วยความเร็ว 6.4 กม./ชม.

    350

    เดินขึ้นบันได้ด้วยความเร็ว 3.2 กม./ชม. นาทีละ

    10.67

    เดินลงบันได นาทีละ

    3.58

    วิ่งบนทางราบด้วยความเร็ว 8.8 กม./ชม.

    660

    วิ่งบนทางราบด้วยความเร็ว 12.8 กม./ชม.

    825

    วิ่งบนทางราบด้วยความเร็ว 18.2 กม./ชม.

    1,390

    ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 1.12 กม./ชม.

    300

    ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 2.00 กม./ชม.

    600

    ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 2.56 กม./ชม.

    700

    ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 3.00 กม./ชม.

    850

    ขี่จักรยานด้วยความเร็ว 8.8 กม./ชม.

    240

    ขี่จักรยานด้วยความเร็ว 14.4 กม./ชม.

    415

    ขี่จักรยานด้วยความเร็ว 20.0 กม./ชม.

    660

    กรรเชียงเรือด้วยความเร็ว 4.0 กม./ชม.

    300

    กรรเชียงเรือด้วยความเร็ว 5.6 กม./ชม.

    660

    กรรเชียงเรือด้วยความเร็ว 17.6 กม./ชม.

    970

    วอลเล่ย์บอล, เล่นเพื่อสนุก

    350

    วอลเล่ย์บอล, แข่งขัน

    600

    เทนนิส, เล่นเพื่อสนุก

    450

    เทนนิส, แข่งขัน

    600



    วนอุทยาชีหลง

    บริเวณที่สาธารณประโยชน์โคกป่ายาง(ชีหลง) ที่ดำเนินการสำรวจเพื่อจัดตั้งเป็นวนอุทยานชีหลงนี้ เป็นที่ที่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่สาธารณประโยชน์เพื่อการเลี้ยงสัตว์ ตั้งอยู่บ้าน-วังหว้า หมู่ที่ 6 ตำบลท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ระยะทางจากที่ว่าการอำเภอกันทรวิชัยประมาณ 11 กิโลเมตร และจากตัวเมืองมหาสารคามประมาณ 7 กิโลเมตร กรมป่าไม้ได้ทำการสำรวจและจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2525

    ประวัติความเป็นมา

    จากอดีตจนถึงปัจจุบันที่สาธารณประโยชน์โคกป่ายาง (ชีหลง) เป็นป่าเบญจพรรณตามธรรมชาติ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี มีสภาพสมบูรณ์ดี อยู่ไม่ห่างไกลจากที่ชุมชน ในอดีตพื้นที่ทางทิศตะวันตกยังไม่แยกขาดออกจากกันเช่นทุกวันนี้ แม่น้ำชีจะไหลเลียบอ้อมพื้นที่บริเวณนี้ไปได้โดยตลอด ทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศใต้ ต่อมาพื้นที่ส่วนที่คอดกิ่วทางด้านทิศตะวันตกถูกกระแสน้ำไหลกัดเซาะจนขาด เมื่อประมาณ 100 ปีมาแล้วทำให้เกิดแม้น้ำชีเส้นใหม่ จึงทำให้ลำน้ำเดิมถูกแยกขาดทอดทิ้งแปรสภาพพื้นที่ร้อยกว่าไร่เป็นเกาะ เนื่องจากอิทธิพลของธรรมชาติบันดาลให้ลำน้ำเปลี่ยนทิศทางที่บริเวณนี้ดูคล้าย ๆ ปากอ่าว ทางด้านทิศตะวันตกถูกกระแสน้ำพัดเอาดิน หินทรายทับถมกลายเป็นคันฝายขนาดใหญ่ ก็เลยทำหน้าที่เก็บกักน้ำไว้ตามธรรมชาติลำน้ำที่ได้แปรสภาพเป็นอ่างเก็บน้ำในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบันถูกขนานนามว่า ชีหลง ตราบเท่าทุกวันนี้ จึงเป็นจุดเด่นอย่างยิ่งที่ดึงดูดใจจากความอุดมสมบูรณ์ของน้ำที่หล่อเลี้ยงตลอดปี ทำให้พืชพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ขึ้นอยู่หนาแน่นเขียวชะอุ่ม นก-ป่ายนานาชนิดได้อาศัยพื้นที่นี้ได้อย่างสบาย

    สภาพพื้นที่

    สภาพพื้นที่เป็นที่ราบ มีน้ำในลำชีหลงล้อมรอบด้านเหนือ ด้านตะวันออก และด้านใต้ตลอดปีเฉพาะด้านตะวันตกแม้ข้างเคียงตะระบุจดแม่น้ำชีก็ตาม แต่สภาพที่แท้จริงแล้ว ด้านนี้เป็นฝายธรรมชาติทำหน้าที่เก็บกักน้ำไว้เป็นอย่างดี จึงเป็นจุดเด่นพิเศษทำให้ดูสภาพเกือบเป็นเกาะ ซึ่งแปลกออกไปอีกแบบหนึ่งไม่เหมือนใคร

    ชนิดพันธ์ไม้

    ชนิดพันธุ์ไม้มีพรรณไม้หลายชนิดส่วนใหญ่ไม้พื้นบกที่สำคัญได้แก่ ไม้ยาง รองลงมาได้แก่ ทองกวาว หรือที่ชาวบ้านท้องถิ่นเรียกว่า จาน) หว้า ฉมวน มะพลับ แค กระทุ่ม มะม่วง จามจุรี มะเดื่อ กะเยา กะโดน งิ้วป่า ตะแบก นอกจากนี้ยังมีไม้พื้นล่างได้แก่ ไผ่ ข่อย ไม้พุ่มและไม้หนามต่าง ๆ

    สภาพอากาศ

    สภาพอากาศในท้องถิ่นยี้แบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ

    ฤดูฝน ตั้งแต่เดือน มิถุนายน - พฤศจิกายน

    ฤดูหนาว ตั้งแต่เดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์

    ฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคม - พฤษภาคม

    อาณาเขต

    มีอาณาเขตติดต่อข้างเคียงดังนี้

    ทิศเหนือ จด ลำชีหลง

    ทิศใต้ จด ลำชีหลง

    ทิศตะวันออก จด ลำชีหลง

    ทิศตะวันตก จด แม่น้ำชี

    การเดินทาง

    การเดินทางไปวนอุทยานชีหลง เดินทางจากจังหวัดมหาสารคามตามทางหลวงแผ่น-ดินสายมหาสารคาม-กาฬสินธุ์ ถึงกิโลเมตรที่ 6 บ้านท่าขอนยาง อำเภอกันทรวิชัย ซึ่งเป็นทางลาดยางตลอด ขวามือจะเป็นทาง ร.พ.ช. เป็นทางดินลุกรังเข้าสู่หมู่บ้านวังหว้า เส้นทางนี้เลียบแม่น้ำชีก่อนจะถึงบ้านหว้า แยกขวามือเป็นทางสาธารณประโยชน์เลียบแม่น้ำชีและสิ้นสุดที่ฝายน้ำกั้นชลประทาน รวมระยะทางจากจังหวัดมหาสารคามตามเส้นทางไปจังหวัดกาฬสินธ์ถึงวนอุทยานชีหลงเพียง 11 กม. เท่านั้น

    สิ่งอำนวยความสะดวก

    สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นทางวนอุทยานชีหลงไม่มีบ้านพักสำหรับบริการแก่นักท่องเที่ยวเหมือนกับอุทยานแห่งชาติ หากนักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะไปพักแรมค้างคืนหรือทัศนศึกษาหาความรู้ทางธรรมชาติ โปรดนำเต้นท์ไปกางเองทางวนอุทยานได้จัดสถานที่ไว้ให้พร้อมกับห้องสุขา โปรดเตรียมอาหารไปเองแล้วไปติดต่อขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่วนอุทยานโดยตรง หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 5614292ต่อ 719 ฝ่ายจัดการวนอุทยาน ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ เขตจตุจักร กรุงเทพ ฯ 10900 ในเวลาราชการ หรือ สำนักงานป่าไม้จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม โทร. (043) 723099


    กู่มหาธาตุ (ปรางค์กู่บ้านเขวา)

    กู่มหาธาตุ (ปรางค์กู่บ้านเขวา)

    เป็นโบราณสถานที่ก่อสร้างประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 ทำด้วย

    ศิลาแลงเป็นรูปกระโจมสี่เหลี่ยม ภายในตัวปราสาทมีเทวรูป

    ทำด้วยดินเผา 2 องค์ นั่งขัดสมาธิ ประนมมือ ถือสังข์ มีกำแพง

    ทำด้วยศิลาแลงล้อมรอบ กรอบประตูและทับหลังเป็นหินทราย

    กรมศิลปากรได้ทำการขุดแต่งเรียบร้อยแล้ว ตั้งอยู่ที่บ้านเขวา

    ต.เขวา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 13 กิโลเมตร

    แก่งเลิงจาน

    แก่งเลิงจาน

    เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ภายในบริเวณเป็นที่ตั้งของสถานี

    ประมง ทำการเดาะพันธุ์ปลาน้ำจืดให้หลายจังหวัดในภาคอีสาน

    บริเวณโดยรอบของแก่งเลิงจานมีทิวทัศน์สายงาม ประชาชนนิยม

    ไปพักผ่อนเป็นจำนวนมาก แก่งเลิงจาน ตั้งอยู่ถนนเส้นรอบเมือง

    ระหว่างไปอ.บรบือ กับ ไป อ.โกสุมพิสัย ต.แก่งเลิงจาน อ.เมือง

    จังหวัดมหาสารคาม